‘Let It Go’ บทเพลงเปลี่ยนชีวิตราชินีน้ำแข็ง

สุชานันท์ กกกระโทก เขียน

จะมีสักกี่บทเพลงที่ใช้ระยะเวลาในการร้องเพียง 4 นาที แต่สามารถเปลี่ยนชีวิตตัวละครหนึ่งตัว จากตัวร้าย ให้กลายเป็นตัวดีได้

Let it go เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ดิสนีย์ในปี พ.ศ. 2556 เรื่อง ‘Frozen ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ’ ผลงานจากปลายปากกาของนักแต่งเพลงสองสามีภรรยา Kristen Anderson-Lopez และ Robert   ด้วยท่วงทำนองที่ไพเราะ ทรงพลัง ปลุกใจให้ผู้ฟังทิ้งอดีตและความกลัวที่มีอยู่ในจิตใจไว้เบื้องหลัง และกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง จึงทำให้เพลง Let it go ได้รับความนิยมอย่างมาก และถูกบันทึกในภาษาต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเวอร์ชันภาษาไทยใช้ชื่อเพลง ‘ปล่อยมันไป’ ขับร้องโดย แก้ม วิชญาณี เปียกลิ่น

เอลซ่า ราชินีผู้งดงามแห่งอาณาจักรเอเรนเดลล์ แต่ภายใต้ความงดงามนั้นกลับแฝงด้วยความลับของพลังวิเศษ แสนพิศวง เธอเกิดมาพร้อมกับพลังในการเสกน้ำแข็งและหิมะได้ดั่งใจปรารถนา อาจเป็นพลังที่งดงามและน่าทึ่ง แต่ในทางกลับกัน เธอต้องพยายามซ่อนเร้นพลังนี้ไว้ เพราะเธอไม่สามารถควบคุมมันได้ มันอันตรายจนเกือบคร่าชีวิตของอันนา น้องสาวของเธอ และทำให้อาณาจักรตกอยู่ในสภาพฤดูหนาวที่โหดร้ายชั่วนิรันดร์

ตัวละครเอลซ่านี้มีต้นกำเนิดมาจากเทพนิยายเดนนิชเรื่อง The Snow Queen ประพันธ์โดย Christian Anderson จากปีศาจราชินีหิมะใจร้าย ดิสนีย์สร้างสรรค์ให้กลายเป็นเอลซ่า ราชินีผู้มีพลังวิเศษในการเสกน้ำแข็งและหิมะ อย่างไรก็ตาม ดิสนีย์ยังคงความร้ายกาจตามต้นฉบับ ก่อนจะมาเป็นเอลซ่าที่ปรากฏในภาพยนตร์ ช่วงแรกเอลซ่าถูกวางบทให้เป็น ‘ตัวร้าย’ โดยออกแบบให้เธอมีผิวกายสีน้ำเงิน ทำร้ายน้องสาวด้วยพลังวิเศษของเธอ และเป็นต้นเหตุที่ทำให้ชาวเมืองต้องทนทุกข์กับฤดูหนาวที่โหดร้าย และหลังจากที่หลบหนีออกนอกอาณาจักร เธอจะกลับมาพร้อมกับสร้างกองทัพมนุษย์หิมะเพื่อทวงบัลลังก์คืน

Let it go เป็นเพลงที่ดิสนีย์ตั้งใจให้เป็นเพลงของเอลซ่า ตัวร้ายของเรื่อง โดยเพลงนี้ใช้ประกอบภาพยนตร์ในฉากที่ เอลซ่าหวาดกลัวที่ไม่อาจควบคุมพลังวิเศษของตนเองได้ และแสดงมันออกมาต่อหน้าชาวเมืองทั่วอาณาจักร เธอจึงหลบหนีออกจากอาณาจักร ซ่อนตัวอยู่บนภูเขาหิมะทางเหนืออันห่างไกล เอลซ่าทิ้งมงกุฎและปลดผ้าคลุมไหล่สีม่วง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนกษัตริย์แห่งเอเรนเดลล์จนหมดสิ้น แล้วใช้พลังวิเศษแปลงโฉมให้ตนเองกลายเป็นราชินีหิมะอย่างเต็มตัว สร้างพระราชวังน้ำแข็งอันงดงาม

เมื่อแต่งเพลง Let it go และให้ Idina Menzel ผู้พากย์เสียงเอลซ่าเป็นผู้ร้อง ด้วยความหมายของบทเพลง และเสียงร้องที่เข้าถึงอารมณ์ ทำให้ทีมผู้สร้างตระหนักได้ว่า แท้จริงแล้ว เอลซ่าปรารถนาเพียงชีวิตที่เป็นอิสระและเป็นตัวของตัวเองเท่านั้น จากบทเพลงอันทรงพลัง ผสมผสานกับภาพยนตร์ได้อย่างลงตัว และสื่อความหมายว่า แม้ว่าเธอจะอยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่เธอกลับมีความสุขที่ได้หลุดพ้นจากความกดดัน ชีวิตที่ต้องจมอยู่กับความหวาดกลัวเป็นเวลาเนิ่นนาน บัดนี้ เธอสามารถปลดปล่อยพลังของตนเองได้อย่างอิสระ และเป็นตัวของตัวเองอย่างที่เธออยากเป็น ด้วยเหตุนี้ ทีมผู้สร้างจึงตัดสินใจปรับเปลี่ยนบทและลักษณะตัวละคร จากราชินีหิมะใจร้าย ให้กลายเป็นเอลซ่าในเวอร์ชันปัจจุบัน

เพียงแค่บทเพลงหนึ่งบท แต่กลับมีพลังราวกับเวทมนตร์ สามารถเสกชีวิตตัวละครจากร้ายให้กลายเป็นดีได้อย่างน่าเหลือเชื่อ เช่นเดียวกับชีวิตคน หากเราเสพบทเพลงด้วยหัวใจ ตระหนักถึงความหมายและคุณค่าของเพลง และมองเห็นถึงความรู้สึกนึกคิด ตลอดจนทัศนคติที่ผู้แต่งและผู้ร้องต้องการถ่ายทอดสู่ผู้ฟัง บทเพลงนั้นจะกลายเป็นพลังที่สามารถเปลี่ยนชีวิตเราได้อย่างน่าอัศจรรย์

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://pantip.com/topic/31804183
https://petmaya.com/frozen-origin-disney
https://m.pantip.com/topic/31361189?
https://th.m.wikipedia.org/wiki/ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ https://www.educatepark.com/แปลเพลง/แปลเพลง-let-it-go-demi-lovato/ https://th.wikipedia.org/wiki/เลตอิตโก_(เพลงดิสนีย์)

Advertisement