“ดรีม LA 16” เริ่มต้นประสบการณ์ใหม่กับความมั่นใจสู่การเป็นพิธีกร

สุทัตตา นิลชัง เขียน

สุกฤษฏิ์ พฤกษะวัน พิสูจน์อักษร

ฟ้าใส เกิดสันเทียะ ภาพศิลป์

คคนางค์ ขามธาตุ บรรณาธิการ

.

“พกความมั่นใจ ฝึกฝน แล้วแสดงศักยภาพที่ดีของเราออกมาให้เต็มที่” 

.

ทบทวนบทพูด..ทำสมาธิ..ค่อย ๆ จับไมค์ขึ้นมา..แล้วย่างก้าวสู่เวที..เตรียมพบกับพิธีกรหน้าใหม่ที่พกความมั่นใจเต็มร้อยกับบทสัมภาษณ์ของ ดรีม ปิยะวดี ที่จะมาบอกเล่าถึงประสบการณ์ การเตรียมตัวเป็นพิธีกร รวมถึงความมั่นใจในการกล้าทำในสิ่งที่ตนรัก ไปอ่านกันได้เลยค่ะ!! 

Q : สวัสดีค่ะดรีม แนะนำตัวเองหน่อยค่ะ

A : สวัสดีค่ะ ดรีม ปิยะวดี อ้นบำรุง นักศึกษาชั้นปีที่ 3 จากคณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาไทยค่ะ

Q : เมื่อไม่นานมานี้ ดรีมได้รับโอกาสเป็นพิธีกรในงานปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัยมหิดล ปีการศึกษา 2563 อยากให้เล่าถึงประสบการณ์ ณ ตอนนั้นค่ะ

A : ตอนนั้นถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีและสนุกมากค่ะ เพราะว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ทำงานใหญ่ขนาดนี้ ได้ร่วมงานกับคนเยอะมาก ๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่เป็นพิธีกรร่วมกัน ศิษย์ปัจจุบันที่มาเป็น backstage รุ่นพี่ศิษย์เก่า รวมถึงบุคลากร อาจารย์ของทางมหาวิทยาลัยมหิดลที่มาคอยดูแล ให้ความช่วยเหลือ และคอยควบคุมงานให้เป็นไปได้ด้วยดีค่ะ ประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นอีกอย่างหนึ่งคือ ได้เข้าไปดูการทำงานของมหิดลสิทธาคารที่เป็นระบบระเบียบและยิ่งใหญ่อลังการมาก ๆ เหมือนอยู่ในคอนเสิร์ตเลยค่ะ

Q : ดรีมได้เป็นพิธีกรครั้งแรกในงานที่ถือว่าเป็นงานใหญ่ของมหาวิทยาลัยมหิดล มีการเตรียมตัวและเตรียมความพร้อมอย่างไรบ้างคะ

A :  งานนี้ต้องเตรียมตัวเยอะมาก ๆ เพราะงานมีการปรับเปลี่ยนไปจากปีก่อน ๆ โดยปีก่อนมีพิธีกรเพียง 2 คน แต่ในปีนี้เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ทำให้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็น online และ on campus มีการเพิ่มพิธีกรร่วมเป็น 4 คน ซึ่งไม่ได้สนิทกันมาก่อน จึงต้องมีการพูดคุย ทำความรู้จักและละลายพฤติกรรมร่วมกัน เพื่อให้พูดคุย รับส่งมุข พร้อมกับสร้างเคมีระหว่างพิธีกรให้ตรงกัน อีกทั้งต้องฝึกในเรื่องของการส่งพลังไปให้น้อง ๆ ทั้งที่อยู่แบบ online และ on campus โดยที่ไม่ทิ้งน้องคนใดคนหนึ่งเอาไว้ นอกจากนี้ยังต้องฝึกเรื่องการออกเสียงอักขระ การพูดให้ชัดเจน และการพูดให้ช้าด้วยค่ะ

อีกโจทย์หนึ่งที่ท้าทายคือ อาจารย์ให้คิด script กันเองโดยใส่ความเป็นตัวของตัวเองเข้าไป และจะต้องแก้ไข script กันบ่อยมาก ปรับเปลี่ยนกันจนถึงวินาทีสุดท้ายที่จะขึ้นเวทีเลยค่ะ เพราะเราอยากจะส่งข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและชัดเจนให้แก่น้อง ๆ แม้กระทั้งบนเวที เราจะได้รับ feedback ของน้อง ๆ จากทางคอมเมนต์ Facebook ซึ่งทำให้ต้องปรับเปลี่ยนคำพูดของตัวเอง ณ ตรงนั้นเลยค่ะ

Q : สำหรับดรีมแล้วความยากของการเป็นพิธีกรคืออะไร แล้วอะไรที่ทำให้ดรีมสามารถฝ่าอุปสรรคนั้นไปได้

A : ความยาก คือ การแก้ไขปัญหาที่อยู่ตรงหน้าให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งต้องใช้ไหวพริบ เพราะว่าบางทีเราอาจจะได้ข้อมูลใหม่ ๆ มา หรือว่า ณ ตอนนั้น แม้ว่าจะไม่ใช่คิวของเรา แต่เกิดเหตุการณ์กะทันหันบางอย่างขึ้น ทำให้เราจะต้องพูดตรงนั้น เราก็ต้องมีความพร้อมที่จะสามารถจับไมค์ขึ้นไปพูดได้เลย และสิ่งที่ทำให้ฝ่าอุปสรรคนั้นไปได้ก็คือเป้าหมายของตัวเราเอง คือดรีมตั้งใจไว้ว่า เราอยากทำให้น้อง ๆ รู้สึกประทับใจให้ได้มากที่สุด เพราะฉะนั้นเราต้องแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าให้ได้เร็วที่สุด ราบรื่นที่สุด ให้น้อง ๆ ไม่รู้ได้ว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นเบื้องหลัง

Q : การที่จะพูดต่อหน้านักศึกษาจำนวนมาก ส่งผลต่อความมั่นใจของดรีมหรือเปล่าคะ

A : ส่งผลมากค่ะ เพราะตอนนั้นก็ตื่นเต้นมาก ขาสั่น พูดผิดด้วย แต่ก่อนจะได้ขึ้นเวทีก็ได้ดูคลิปจากยูทูปมา 2 คลิป คลิปแรกบอกว่ามันคือเรื่องปกติที่เราจะรู้สึกตื่นเต้น แล้วก็ให้ภูมิใจเอาไว้ด้วยว่าเรายังรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ เพราะมันหมายถึงว่าเราชอบในสิ่งที่ทำ แต่ถ้าวันไหนที่เราไม่ตื่นเต้นกับสิ่งที่ทำอาจจะหมายถึงเราไม่ได้ชอบสิ่งนั้นอีกต่อไปแล้ว อีกคลิปคือ เมื่อเกิดข้อผิดพลาดบนเวที ก็ไม่อยากให้ไปว่าตัวเอง ซีเรียส เสียใจ จนผิดหวังมากเกินไป เพราะว่าข้อผิดพลาดบทเวทีนี่แหละ เป็นเสน่ห์ที่ทำให้เห็นว่าเรายังเป็นมนุษย์ เพราะถ้าอยากให้ทุกอย่างมันสมบูรณ์ไปหมด เราสามารถสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาพูดแทนเราก็ได้ เพราะว่าหุ่นยนต์จะไม่มีข้อผิดพลาด แต่เชื่อว่าทุกคนก็ยังอยากฟังมนุษย์ที่มีข้อผิดพลาดมากกว่าหุ่นยนต์ที่ไม่มีข้อผิดพลาดค่ะ

Q : อะไรคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ดรีมมีความมั่นใจที่จะกล้าแสดงออกคะ

A : จุดเริ่มต้นเลยก็คือ ดรีมรู้ว่าตัวเองชอบอะไร อยากที่จะทำอะไร พอรู้แล้วปุ๊ป ตอนนั้นก็ยังมีความไม่มั่นใจ เลยปล่อยให้โอกาสที่เข้ามาหลุดลอยไป แล้วมานั่งเสียใจที่หลังว่าทำไมเราถึงปล่อยโอกาสในตอนนั้น ดรีมเลยพกความมั่นใจแล้วก็แสดงออกมาให้เต็มที่เลยค่ะ เพราะคิดว่ายังไงชีวิตก็มีแค่ครั้งเดียวต้องใช้ให้เต็มที่

Q : หลาย ๆ คนกลัวที่จะกล้าแสดงออกโดยเหตุผลหนึ่งเลยคือ กลัวคอมเมนต์ทางด้านลบ ถ้าสมมติดรีมได้แสดงในสิ่งที่เป็นตัวเรา แต่คนอื่นกลับไม่ชอบ ดรีมจะรับมือกับปัญหานี้อย่างไรคะ

A : รับมือกับปัญหา อย่างแรกเลยก็คือ เราต้องมองโลกในแง่บวกและต้องรู้สึกภูมิใจก่อนว่าอย่างน้อยเราก็รู้ตัวนะว่าอันนี้คือตัวตนของเรา อันนี้คือสิ่งที่เราชอบ ในเมื่อเรารู้แล้วเราก็ต้องมีจุดยืนของตัวเองและยืนหยัดต่อไป ถึงคนอื่นจะมองว่า ไม่โอเค ไม่ชอบ พูดจาบั่นทอนจิตใจของเรา อยากให้นำคอมเมนต์ทางด้านลบ ๆ ในบางครั้งมาใช้พัฒนาปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ส่วนคำไหนที่ทำให้รู้สึกแย่จริง ๆ ก็ต้องเลือกที่จะปล่อยวาง อย่าไปสนใจ และเรียนรู้ที่จะเผชิญกับคอมเมนต์ทางด้านลบ เพราะต้องตระหนักไว้เลยว่ามีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบเรา อย่าไปหลงระเริงกับคำชมมากเกินไปและอย่าเอาจิตไปผูกกับคอมเมนต์ทางด้านลบมากเกินไปเช่นกัน เพราะคอมเมนต์เหล่านั้นจะกลับมาทำลายตัวตนของเราเอง

Q : ดรีมเคยเจอสถานการณ์ที่เวลาเราฝึกหรือพยายามที่จะออกจาก safe zone ของตัวเองเพื่อให้มีความกล้ามากยิ่งขึ้น แต่ทั้งเหนื่อยและท้อบ้างไหมคะ ถ้ามี แล้วมีคำแนะนำอะไรในการฟื้นฟูตัวเองเพื่อให้กลับมายืนสู้ได้อีกครั้ง

A : เวลารู้สึกเหนื่อยและท้อ คือจะไปดูอะไรที่มันเป็นแรงบันดาลใจ ไปดูคนที่เราชอบ ไปดูสิ่งที่เราชอบเหมือนเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เราอีกครั้งหนึ่ง พอมีแรงบันดาลใจแล้วก็กลับมาทบทวนตัวเองอีกรอบว่า เราชอบสิ่งนี้จริง ๆ หรือเปล่า ในอนาคตเรายังอยากจะทำสิ่งนี้ต่อมั้ย หรือว่าเราอยากหยุดอยู่แค่นี้ พอได้คำตอบแล้ว สิ่งที่สามารถเยียวยาจิตใจเราได้ดีที่สุดคือตัวเราเอง และเมื่อสามารถปลุกไฟในตัวเองขึ้นได้ มันจะมีแรงกลับมาสู้ได้อีกครั้ง!

Q : อยากให้บอกเล่าถึงมิตรภาพและประสบการณ์ระหว่างทางที่ดรีมได้ออกไปทำกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรหรือการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของทางมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อให้ผู้อ่านที่อาจจะยังกลัวการออกไปพบปะพูดคุย กลัวหาเพื่อนไม่ได้ หรือยังไม่มีความมั่นใจพอที่จะทักคนอื่นก่อนให้มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นค่ะ

A : อย่างพิธีกรก็จะได้เจอคนหลายรุ่นมาก ทั้งเพื่อน รุ่นพี่ ทั้งศิษย์ปัจจุบันและศิษย์เก่า รวมถึงอาจารย์ ถ้าเราเจอคนที่อายุเยอะกว่า สิ่งที่ทำได้เลยก็คือยกมือไหว้ สวัสดี ซึ่งเป็นสิ่งที่คนได้รับจะรู้สึกเอ็นดูเรา ทำตัวอ่อนน้อมเข้าไว้ และเวลาจะเข้าไปทักทายใครก็อยากให้ทุกคนเป็นตัวของตัวเอง ถ้าเกิดยังไม่มั่นใจจริง ๆ เลือกส่งยิ้มก่อนก็ได้ พอเค้ายิ้มตอบ หลังจากนั้นก็จะมีใครสักคนที่เริ่มบทสนทนาก่อนเอง 

Q : มาถึงหัวข้อสุดท้ายกันแล้ว อยากให้ดรีมฝากอะไรถึงเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่อยากจะลองเป็นพิธีกร แต่ยังไม่มีความมั่นใจ หรือคนที่อยากจะลองเปลี่ยนแปลงตัวเองให้สามารถกล้าคิด กล้าลงมือทำ กล้าแสดงออก และเป็นตัวของตัวเองหน่อยค่ะ

A : สำหรับเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่อยากจะเป็นพิธีกรนะคะ เมื่อเรารู้ว่าเราอยากทำอะไร เรารู้ว่าสิ่งนี้คือความฝัน อย่าปล่อยให้ความฝันเป็นเพียงความฝัน ลงมือทำได้เลยแล้วก็ไม่ต้องกลัวด้วย พกความมั่นใจ ฝึกฝน แล้วแสดงศักยภาพที่เรามีออกมา ชีวิตเรามีครั้งเดียว และไม่ต้องคิดมากเลยเรื่องงานพิธีกร เพราะเป็นงานที่จำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์ ถ้าเราไม่ลงมือทำเราก็ไม่มีวันจะเป็นพิธีกรได้ ส่วนคนที่อยากจะลองเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กล้าคิด กล้าทำ ก็ลงมือทำได้เลย เพราะถ้าตราบใดที่มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องและไม่ได้เบียดเบียนใคร เราสามารถใช้ชีวิตได้เต็มที่ อยากจะสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้กับคนที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองค่ะ

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s