“The battle is mine,” Said That Woman (Part 1)

สุชานันท์ กกกระโทก พิสูจน์อักษร

สุวิชญา แสงสีจันทร์ ภาพประกอบ

ฟาธอสชะงักไปหนึ่งจังหวะ มากพอให้บัลดัวร์ซอกแซกมาตามช่องว่างอันเปิดกว้าง ดาบไม้ฟาดใส่โล่ที่ยังอุตส่าห์ยกขึ้นมารับได้ทัน พวกเขาคำรามแบบออกศึกขู่ขวัญอีกฝ่ายก่อนสลับกันพุ่งรับปานกระทิงคลั่ง เศษไม้ปลิวกระจายยามนักรบฝึกหัดปะทะกันด้วยแรงที่กะจะผ่าใครสักคนออกเป็นสองซีก มาสเตอร์แร็กนาร์ยืนกอดอกหนั่นแน่นผ่านเสื้อคลุมชุดขนสัตว์อยู่ตรงมุมลานฝึก รั้งรอจะประกาศชัยชนะแก่หนึ่งในลูกศิษย์ ขณะเด็กหนุ่มคนอื่นโห่เชียร์ดังลั่นมาจากทุกทิศทางรอบสนาม สองชื่อที่กำลังห้ำหั่นเป็นจริงเป็นจังสะท้อนก้องผ่านทุกริมฝีปาก ไม่โดนกำปั้นประทับจูบหรืออุบัติเหตุใดมากล้ำกราย สองสามจังหวะแรกฟาธอสและบัลดัวร์ยังคงตั้งรับลองเชิงกัน กระทั่งอีกคนหนึ่งกระแทกขอบโล่ใส่เบ้าตาจนปูดบวม เวลาของการสงวนฝีมือจึงหมดไป กลายเป็นศึกตะลุมบอนของคนเถื่อนเลือดเย็น

ตำแหน่งแห่งที่ของวิลเฮล์มยังคงมาดมั่นไม่ผันแปร ระหว่างที่การคัดเลือกนักรบเข้าร่วมกองทัพดุเดือดเลือดพล่านขึ้นตามลำดับเวลาผันผ่าน นางยังคงกระทำเช่นเดิม สม่ำเสมออย่างที่เคยดำเนินมาตลอดสิบปี คือยืนนิ่ง มือประสานกันตรงบริเวณท้องน้อย รักษาสีหน้าให้เรียบเฉยปราศจากอารมณ์ร่วม และเฝ้าดู สตรีไม่มีที่ทางในสนามรบ ดังนั้นจึงจัดว่าเป็นเกียรติศักดิ์อันสูงส่งของนางและความตกต่ำอย่างที่สุดของลานฝึกที่มาสเตอร์แร็กนาร์อนุญาตให้นางมายืนรับชมการฝึกจากมุมที่ห่างไกล จนแทบมองไม่เห็นอะไรนอกจากกองทรายที่ฟุ้งตามแรงขืนเท้าของเด็กหนุ่มในลานกับเศษไม้ที่บางครั้งจะลอยมาติดตามผมเผ้า มาสเตอร์แร็กนาร์ซื้อนางมาจากตลาดค้าทาส เหรียญทองแดงค่าตัวเด็กใบ้ผอมเกร็งคนเดียวแลกแกะดี ๆ ได้ถึงสองตัวและเห็นได้ชัดว่ามันคุ้มค่ากว่ากันมากตามที่ใครต่อใครต่างออกความเห็น กระนั้นเขาก็ยังเลือกยายหนูพิการมากกว่าแกะอ้วนพีขนมันเงา นางจึงถึงว่านี่เป็นบุญคุณใหญ่หลวงประการแรกที่ติดค้างเขาไว้

คราวแรกครูฝึกอาวุธมีวิธีใช้งานนางเช่นเดียวกับชนชั้นเจ้าขุนมูลนายทั่วไป จัดการงานบ้าน ขัดถูทำความสะอาด งานจิปาถะ จนกระทั่งเวลาที่ใช้ร่วมกันมีมาก ปลอกคอเหล็กหนาหนักขูดผิวก็แปรเป็นโซ่เงินเส้นบาง จากพันธนาการพันเกี่ยวก็สูญสลายกลายเป็นไท แม้จะไม่เอ่ยปากว่านางเป็นบุตรี แต่ความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปเช่นนี้จะมีชื่อเรียกอื่นใดได้อีก       

ระยะเวลาสิบปีที่วิลเฮล์มมิได้กระทำเป็นอื่นนอกจากเฝ้ามองจากมุมมืดซึ่งวัชพืชขึ้นรกชัฏ ราวจะประกาศย้ำสถานะของนาง หญ้าพยาธิที่สักวันก็จะมีคนถอนรากถอนโคนให้สิ้นซาก ต่อให้นางจะไม่ได้เป็นทาสอีกต่อไปตามการตัดสินใจของอาจารย์ฝึกรบประจำราชสำนัก นางก็สัมผัสได้ถึงตรวนอันหน่วงหนักยิ่งกว่าเหล็กหลอม ตรวนที่แขวนค้างรอบคอมาตั้งแต่เกิด ตรวนนี้ตรึงได้ตั้งแต่ลูกสาวชาวนายันจักรพรรดินี สิ่งนั้นคือตรวนแห่งความเป็นหญิง ตราบาปเสื่อมเสียที่ประกาศชัดว่าถึงสถานะสตรี ไม่มีวันถูกปลด ไม่มีวันเป็นไท ต่อให้มาสเตอร์แร็กนาร์จะมอบจุดยืนเล็กจิ๋วแก่นางในลานฝึก แต่นั่นไม่หนักแน่นพอจะทุบทำลายทรรศนะที่คนทั่วไปเห็นได้ นางจึงไม่ได้รับอนุญาตให้จับกระทั่งมีดพกจำลองบนแท่นวางอาวุธ กระทั่งเฉียดใกล้โล่ยังโดนมองตาพอง พวกผู้ชายมักหาจังหวะที่ครูฝึกหันมองทางอื่นมากล่าววาจาทุเรศทุรังใส่หูนาง แต่ละคำหยาบคายจนนางลืมสิ้นไปทันทีที่พระแม่ตะวันกลับสู่รังนอน มันคงสนุกดีที่ได้เย้าแหย่เหยื่อที่มีสถานะต่ำกว่าทางกายภาพ ทั้งยังโต้ตอบไม่ได้ด้วย

“ผู้หญิงไม่มีที่ทางในสนามรบ” พวกเขามักพูดเช่นนี้ก่อนลงมือผลัก นางต้องยอมทำทีเซล้มตามแรง มิฉะนั้นพวกเขาก็จะผลักมาอีกจนกว่าเข่านางจะแตะพื้น

ดาบไม้ฟาดใส่กันจนแตกกระจุย บัลดัวร์ตาไวเห็นจุดอ่อนก่อน เขาจึงแทรกตัวฉวัดเฉวียนเข้าลงมือเต็มที่จนฟาธอสล้มกลิ้งกลืนทรายคำใหญ่ หน้าคนแพ้กดแนบกับดินชื้นแฉะ เลือดกำเดาไหลพราดย้อมหญ้าแถวนั้นเป็นสีแดงเข้ม ผู้กุมชัยเขย่าดาบใส่ฟ้าหม่นซึ่งมีฝนตกโปรยปรอยพร้อมกู่ร้องข่มขวัญ เด็กหนุ่มที่เหลือตบมือเป่าปากถูกอกถูกใจล้นหลาม มาสเตอร์แร็กนาร์เข้าไปประกาศรายนามผู้ผ่านการทดสอบด้วยเสียงอันดังกึกก้องราวฟ้าผ่า เรียกให้ผู้ชายทั้งหมดตีอกชกโล่แทนการยอมรับอย่างเคร่งขรึม องค์ราชาได้กองกำลังรบอันเข้มแข็งเพิ่มขึ้นอีก

วิลเฮล์มยังคงประสานมือ จ้องมองจากที่ทางของนาง

กาน้ำชาเหนือเตาผิงกรีดร้องแหลมส่งสัญญาณเดือดปุด วิลเฮล์มถกกระโปรงเร่งรีบเข้าไปยกมันออกจากเตาทั้งมือเปล่าที่ทรหดทนทานและเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น นางเติมถ้วยกระเบื้องจนปริ่มล้นเพื่อยกมันใส่ถาดไปวางไว้ข้างมือบิดาบุญธรรมที่กำลังนั่งไล้นิ้วตามความยาวของดาบเหล็กเปลือยฝักบนตัก มันถูกตะไบไสขัดจนเงาวับราวมีดโกน

วิลเฮล์มเป่าควันร้อนเหนือแก้วชา แม้จะทำเหมือนไม่สนใจ นัยน์ตาคมเข้มเทียบได้กับน้ำมันดินข้นคลั่กก็สะท้อนแสงวาววามจากดาบเหล็กอย่างไม่สามารถทำนายเป็นอื่นไปได้ แร็กนาร์ชูดาบขึ้นรับประกายไฟปะทุใส่เตาผิง เรียกให้นางเงยหน้าขึ้นมองตามโดยอัตโนมัติ

“อีกไม่นานมันจะเสียเจ้านาย”

ชายวัยใกล้ชราหันมาสบตานาง บัดนี้นางตระหนักได้ว่ารอยเหี่ยวย่นกัดกินใบหน้าบิดาเสียสึกกร่อน ไรผมแดงเริ่มมีสีดอกเลาแทรกปน จังหวะหายใจเข้าออกดำเนินแช่มช้าคล้ายจะหยุดชะงักลงไปได้ทุกขณะหากเผอเรอลืมตัว

“ข้าผ่านฤดูหนาวมาห้าสิบเก้าครั้ง ออกรบทุกเดือน มันจะมีวันใดวันหนึ่งที่ข้าไม่ได้กลับมาพร้อมกองเรือของพระราชา แต่ไปเป็นศพไร้ญาติอยู่ที่ไหนสักแห่งในทวีปห่างออกไป เจ้าเข้าใจใช่ไหม” ครั้นนางพยักหน้า เขาจึงกล่าวต่อ “เมื่อถึงตอนนั้น ข้าจำต้องมั่นใจว่าเจ้าดูแลตัวเองได้ ซึ่งข้าก็คลายกังวลแล้ว” นางกระอักกระอ่วนยามเขาพูดเรื่องตัวเองจะตายชนิดไม่เกรงใจคนฟัง แต่พยายามปั้นยิ้ม ปล่อยเขาเอ่ยต่อ “เอ้า” แร็กนาร์โยนดาบใส่มือนางชนิดไม่เกรงกลัวว่าน้ำหนักของมันจะทำแขนขาสตรีซึ่งใครต่อใครปรามาสว่าบอบบางราวปีกแมลงปอจะหักกลาง แต่วิลเฮล์มเพียงเอื้อมรับมันไว้อย่างเฉียดฉิว ประกายเงินงดงามสะท้อนบนผิวคล้ำกร้านจากงานหนัก

ผู้หญิงเองก็ถูกสัมผัสจากหัตถ์เทพสงครามไม่ต่างอะไรกับผู้ชาย ยามกองทัพศัตรูบุกเผาหมู่บ้าน วีรสตรีทั่วทุกมุมเมืองจะคว้ามีด จอบ เสียม รวมถึงดาบหากบ้านไหนมีช่างตีเหล็ก ต่อสู้ห้ำหั่นอย่างองอาจแกล้วกล้า แต่มีจุดหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ที่คงจะมีเทพสักองค์อยู่เบื้องหลัง คอยหยิบสตรีออกจากสนามรบไปทีละคน ทีละคน เริ่มจากทหารยศเล็กไปจนถึงปลดแม่ทัพ แนวคิดใหม่เอี่ยมจากแดนเหนือที่กำหนดว่าหน้าที่พวกนางคือ คอยปัดกวาดเช็ดถู และมอบบุตรสุขภาพแข็งแรงให้สามีเริ่มกล้ำกรายเข้ามา ท้ายสุดมันก็กลายเป็นบัญญัติสากล ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกนางควรจะเป็นการได้สมรสกับบุรุษฐานะดีสักคน เห่กล่อมทายาทของเขาบนเตียง และเฝ้าปรนิบัติเช้าจรดค่ำให้สมกับวีรกรรมอันสูงส่งกล้าหาญที่ได้กระทำไว้ มันดำเนินเช่นนั้นมานานนม และจะไหลเรื่อยต่อไปตราบกาลเวลาสูญสลาย หากทันทีที่มาสเตอร์แร็กนาร์เปลื้องโซ่ทาสออกจากคอบุตรีบุญธรรม สิ่งที่เขาหยิบยื่นใส่มือหาใช่เข็มเย็บปักถักร้อย ไม้กวาดถู มีดทำอาหาร แต่เป็นดาบ ดาบของจริง น้ำหนักเท่าเก้าอี้ไม้ครึ่งตัว พร้อมให้แขนอันหนั่นแน่นด้วยกล้ามเนื้อแกว่งไกวเสรี วิลเฮล์มทิ้งมันหลุดลงพื้นในครั้งแรกที่จับ นางหวาดหวั่น พะว้าพะวงเช่นเดียวกับหญิงคนอื่นว่านางจะทำได้อย่างไร นางไม่มีวันสนองความต้องการใดที่นักรบเจนสนามผู้นี้วางกองไว้ให้ได้ ไม่มีวันหรอก นางเป็นหญิง นางไม่ควรจะได้เห็นเกราะเหล็กของแร็กนาร์ใกล้ๆ ด้วยซํ้า

ทว่าเขาเพียงยอบกายใหญ่โตปานยักษ์ปักหลั่นเคียงร่างเล็กจ้อยสั่นเทาของวิลเฮล์ม หนวดแดงที่ถักเป็นเปียขยับโค้งยามนักรบยกยิ้ม เสียงอบอุ่นนุ่มนวลเกินตัวกระซิบ

“ไม่เป็นไร ใครก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้นในครั้งแรก”

ถ้อยคำถักทอเพียงประโยคเดียวหล่อหลอมนางได้ทั้งชีวิต

นั่นมีความหมายลึกซึ้งในแบบที่ใครก็ยากจะทำหมางเมิน ไม่ใช่ไม่มีวัน ไม่ใช่ไม่มีทางทำได้ แต่ใครก็เป็นเช่นนี้ทั้งนั้นมิใช่หรือ ในการทดลองทำอะไรสักอย่างเป็นครั้งแรกนับแต่ถือกำเนิด วิลเฮล์มก้มมองสองแขนผอมแห้ง ร่างบอบบางขึ้นโครงกระดูกชัดสลับดาบเล่มมหึมาหนาหนักบนพื้น เอื้อมมือเข้าไปวางทาบด้าม ซึ่งบัดนั้นนิ้วยังไม่อาจกำรอบ นางรู้สึกถึงบางอย่างที่เต้นเร่าอยู่ภายในกาย บางอย่างที่ร้อนระอุปะทุไหม้ วิลเฮล์มลูบด้ามดาบ ประกายแสงแววาว แทรกห้วงคิดคติเก่าทั้งปวงให้สูญสิ้นห่างหาย สักวันหนึ่งนางเองก็จะกวัดไกวมันได้เหมือนกันงั้นหรือ สักวันมันจะมีขนาดพอดีกับมือ หรืออาจจะเล็กกว่าที่นางต้องการด้วยซํ้า สักวันนางจะใช้มันได้แคล่วคล่องเหมือนแขนอีกข้าง สักวันนางจะเป็นผู้ถือดาบตวัดฟาด มิใช่ผู้ประคองมันใส่ผ้าไหมคอยให้ชายชาญสักคนหยิบไปสร้างวีรกรรม แต่นางจะประคองดาบของนางเอง เข้าไปเคียงบ่าไหล่พี่น้องท่ามกลางสายตาเทพสงครามใช่ไหม

ภาพอดีตกวนความทรงจำให้เข้มข้นหนืดเหนียวเสมือนยางร้อน วิลเฮล์มกระพริบตาพาตัวเองมายืนอยู่ในจุดที่นางอายุครบสิบหกปีเต็ม มือที่เคยเล็กเกินทานทน บัดนี้กุมกอบรอบดาบประจำกายครูฝึกแห่งราชสำนักได้รอบ ซํ้ายังเหวี่ยงขึ้นลงซ้ายขวาหน้าหลังได้คล่อง ผิวนางเข้มกร้านขึ้นจากแรงงานสาหัสยามกลางวัน และจากการลอบฝึกไกวอาวุธกับแร็กนาร์ ท้าแสงนุ่มนวลของพระบิดาจันทราในยามค่ำคืน เขาแอบสั่งสอน อบรม ควบคุม และตอกย้ำทุกอย่างที่นักรบจะต้องรู้ ศาสตร์ที่หากใครมาทราบเข้าจะต้องอกแตกตายสั่งประหารพวกเขา ถอนรากถอนโคนสิบเจ็ดชั่วโคตร ผู้หญิงถูกฉีกออกจากหน้าประวัติศาสตร์ แต่บทเพลงขับขานวีรกรรมยังไม่จางหายไปจากใจผู้คน พวกคนเฒ่าชราบางพวกยังจำได้ถึงแผ่นหลังโค้งเพรียวท่ามกลางเกราะดาบของบุรุษที่ขนานนามตัวเองว่าเป็นนักรบ สมัยก่อนเก่า สตรีรบเคียงบ่าเคียงไหล่สามีและลูกชายของนาง ดังเช่นที่ชายชาติทหารต่างสาบานว่าจะยอมตายแทนเพื่อนร่วมรบที่หยัดยืนเคียงข้าง มาสเตอร์แร็กนาร์มีจิตวิญญาณนักรบที่จะมองข้ามผ่านองค์ประกอบยิบย่อยทุกประการลงไปสู่ฝีมือเนื้อแท้ เขาพานพบสตรีใจเหล็กมากหน้าหลายตา บ้างมาในรูปราชินี บ้างมาในรูปสาวใช้ บ้างมาในรูปบุตรีพ่อค้า พวกนางล้วนเป็นนักรบ หากไม่ใช่บนสนามประลองโดยตรง ก็สู้ในแบบของนางเอง ส่วนวิลเฮล์มที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาเป็นพิเศษ ย่อมได้รับการฝึกฝนเข้มข้นอย่างศรัทธาในเลือดกร้าวแกร่ง

ตลอดเวลาที่วิลเฮล์มประสานมือสงบเสงี่ยมมองเหล่าเด็กหนุ่มที่เยาว์กว่า แก่กว่า และไล่เลี่ยกัน ห้ำหั่นในสนามรบ นางกวาดเก็บกระบวนการขยับเคลื่อนเลื่อนตัวของพวกเขาไว้ในคลังสมองมโหฬารปานหอสมุดหลวง จดจำจุดอ่อน ส่วนที่มักพลาด ช่องโหว่อันเห็นได้ชัด การชักเข้าออกที่รวดเร็วเกินไป การเข้าปะทะที่ช้าเกินไป เพียงชั่วอึดใจระหว่างยกดาบก็พลิกฟ้าชี้ชะตาคนหนึ่งจากมนุษย์กลายเป็นกองเนื้อ คือวินาทีที่จะตัดสินว่าลมหายใจจังหวะใดทอดถอนออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ลอบฝึกเยี่ยงครูพักลักจำกระทั่งถึงวันที่นางกระแทกโล่หลุดจากมือแร็กนาร์ปลิวกระเด็นไกลลิบ วิลเฮล์มอาจเป็นหญิงยามซ่อนร่างใต้ชุดกระโปรงยาว ทว่าเมื่อใดที่นางถกชายผ้าขึ้นสูง สองมือกอบกำรอบอาวุธสังหาร กล้ามเนื้ออย่างคนที่คุ้นชินกับงานหนักจะปรากฏออกมาไม่ต่างอันใดกับท่อนแขนใหญ่โตของพวกผู้ชาย นางอาจขาดไร้ประสบการณ์บนสงครามจริง ทว่าเด็กหนุ่มก่อนจะได้รับคัดเลือกเข้ากองรบก็ล้วนเป็นเช่นนี้มิใช่หรือ อีกทั้งการฝึกฝนตัวต่อตัวกับแร็กนาร์ทุกค่ำคืนก็มากพอจะทำให้นางก้าวล้ำพวกเขาไปอีกก้าวหนึ่ง นางเรียนรู้กระบวนท่าลึกลับซับซ้อนเกินหยั่งถึง “จงอย่าคิดว่าต้องสู้แบบบุรุษ จงอย่าคิดว่าต้องสู้แบบสตรี จงสู้แบบนักรบ สู้แบบของเจ้า” แร็กนาร์พร่ำสอนนับครั้งไม่ถ้วน นางจึงจดจำ จดจำฝังลึกถึงกล้ามเนื้อทุกมัด ตรึงกระดูกทุกท่อน สอดแทรกแอบซ่อนตามเลือดทุกหยาดหยดที่ไหลเวียนในร่าง

ดาบเหล็กวาววามเบาหวิวอยู่ในมืออันกร้านด้วยแผลเป็น วิลเฮล์มยอบกายลงทูนมันขึ้นเหนือศีรษะเพื่อสำแดงความเคารพต่อหน้าบิดา อาจารย์ และญาติเกี่ยวดองผู้เดียวในโลกที่นางมี ให้สัตย์สาบานต่อเทพเจ้าทุกองค์ที่จักรวาลบรรจุอยู่ผ่านนัยน์เนตรดำขลับแกร่งกระด้าง ปอยที่เก็บไม่หมดของมวยผมหยักศกเคล้าเคลียกรอบแก้ม แร็กนาร์ไม่เอ่ยถ้อยคำใดอีก และนางรับรู้ได้บัดนั้นว่าเขาได้สั่งเสียส่วนของตัวเองแล้ว

ราวกับทวยเทพล่วงรู้และพร้อมกระทำทุกวิถีทางเพื่อพิสูจน์ สามวันหลังจบพิธีแต่งตั้งนักรบต่อพระพักตร์อย่างเป็นทางการ ซึ่งวิลเฮล์มก็รับบทหนึ่งในหมู่สตรีที่ประสานมือเฝ้ามองดังเคย ชนเผ่าชาวเกาะที่กษัตริย์ของนางเคยยกทัพไปบุกแก้แค้น ก็ตระเตรียมยาตรามากระทำเช่นเดียวกันกับอาณาจักรของพระองค์ พวกนั้นต้องผ่านเมืองท่าซึ่งอยู่นอกสุดเป็นปราการตั้งรับแรก ในที่นี้คือหมู่บ้านที่นางพักพิงอาศัยร่วมกับครูฝึกอาวุธเยี่ยงพ่อลูก สงครามระหว่างชาวเกาะยืดเยื้อมานานนมและไม่มีทีท่าจะยุติ ต่อให้เมืองพันธมิตรจะร่ำไห้เป็นสายเลือด แรกสุดพวกชาวเกาะบุกปล้นหมู่บ้านหนึ่งของฝั่งนาง จากนั้นองค์ราชาจึงโจมตีกลับบ้าง และพวกชาวเกาะก็โต้ตอบอีก จากนั้นกษัตริย์ก็ตัดสินใจว่าจะต้องถอนรากถอนโคน โต้ตอบตบตีกันไปมาไม่จบสิ้น นางได้ยินมาว่าราชินีตระเตรียมเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อเพิ่มพันธมิตรและคอยคลายมือที่กำหมัด พระนางฉลาดเฉลียว คือสาเหตุที่ทำให้ท้องพระคลังมั่งคั่งอัดล้นด้วยทอง หลายคนเรียกนางว่าเป็นหญิงที่ปั่นเงินออกมาจากอากาศได้ ทั่วท้องทวีปจะหาใครที่เล่ห์เหลี่ยมลึกล้ำไปกว่านางนั้นไม่มี แต่กระทั่งองค์ราชินียังล้มเหลวที่จะห้ามมิให้สามีกระทำหุนหันพลันแล่น หรือไม่ก็เป็นพระนางเองที่กระดิกนิ้วชักใยเบื้องหลัง ผู้หญิงอาจถูกถอนรากถอนโคนออกจากสนามศึก แต่พวกนางไม่เคยหายไปจากสงครามอย่างแท้จริง แร็กนาร์เคยรำพึงเช่นนี้ยามได้ยินว่าราชินีเริ่มผูกไมตรีกับจักรพรรดินีแห่งแดนตะวันออก เขายังมีความหวังบ้าคลั่งที่จะได้ฝึกศิษย์หญิงอย่างเปิดเผยไม่ต้องแอบซ่อน บางทีการจากไปของราชารัชกาลปัจจุบันอาจเปิดทางให้หลายสิ่งอย่างมากกว่าที่ใครจะคาดหมายก็เป็นได้ วิลเฮล์มก็ไม่ทราบรายละเอียดลึกนอกจากข่าวลือมุขปาฐะ ก็มันจะสำคัญตรงไหนล่ะ ตอนสู้ก็คือสู้ ไม่ว่าจะรูปแบบใดก็คือสู้อยู่ดีไม่ใช่หรือ

เสียงกรีดร้องลั่นประสานมาพร้อมกำแพงบ้านเรือนแตกหัก คือสิ่งแรกที่โสตนางสดับได้ยามเที่ยงคืน วิลเฮล์มยังรับบทผู้เฝ้ามองแสนซื่อสัตย์ ระหว่างกองรบขององค์ราชาเตรียมตัวตั้งรับนับแต่วินาทีแรกที่ตะวันจรดจูบลงหลังเขา ประหนึ่งว่าทราบแน่ถึงการบุกครั้งนี้ แร็กนาร์นำทัพอยู่ฝ่ายหน้า เขาพกดาบเล่มใหม่ติดเอว เนื่องจากเจ้าเพื่อนยากคู่ใจของเขามาซ่อนซุกแนบเนียนอยู่ข้างกระโปรงนาง ซึ่งสวมทับด้วยเสื้อคลุมอีกชั้นอย่างสตรีที่บอบบางและหวาดกลัวทั่วไป พวกนักรบที่เพิ่งสอบผ่านใหม่หมาด ต่างกระตือรือร้นเกินเหตุที่จะสร้างผลงานจนกวีแต่งเพลงสรรเสริญเยินยอให้ ส่วนกลุ่มที่มีประสบการณ์มากกว่าสนทนากันเคร่งขรึมถึงการโต้ตอบสลับไปมาที่ไร้การพัฒนานี้ และเริ่มเห็นด้วยว่าบางทีสนธิสัญญาสงบศึกที่องค์ราชินีวางแผนไว้อาจเป็นทางเลือกที่เลวร้ายน้อยกว่า หลายคนตระหนกปนดูแคลนยามเห็นวิลเฮล์ม สตรีคนเดียวในกองรบปรากฏตัวในเครื่องแต่งกายสามัญสำหรับทำงานในบ้าน มีเพียงเกราะหุ้มส่วนลำตัวอย่างประดักประเดิด ฟาธอสเพียงเลิกคิ้วสงสัยในขณะที่บัลดัวร์หาวหวอดราวกับจะบอกว่าเขาเห็นผู้หญิงออกรบจนเบื่อทั้งที่มันไม่จริง คนอื่นกระซิบไล่ ดูถูก ผลักไหล่ให้หญิงใบ้ออกห่างจากที่ทางของชายชาตินักรบทั้งหลาย นางเพียงเชิดหน้าสูงขึ้นอีกนิดเพื่อเดินไปยืนข้างแร็กนาร์ จ้องมองทะเลเพลิงที่คืบเข้ามาใกล้ทุกขณะจิตด้วยสายตาแบบเดียวกัน แววตาของคนที่พร้อมหันอาวุธสู้

นี่คือเวลาที่เหมาะสม นางรับรู้เช่นนั้น

การบุกทะลวงครั้งก่อนหน้า นางทำได้เพียงมองดูจากหน้าต่างที่ปิดแน่น หลังบานประตูที่ปลอดภัย แต่ครั้งนี้ปัจจัยหลายอย่างเปลี่ยนไปแล้ว นางได้อยู่ข้างแร็กนาร์ในการรบจริงเป็นครั้งแรก ลมหายใจนางสะดุดเมื่อเห็นแม่ทัพรายแรกของพวกชาวหมู่เกาะผุดโผล่ขึ้นมาจากกลุ่มควันไฟ ตอนแรกพวกมันมีประมาณสิบคน แล้วก็เคลื่อนเข้ามาเป็นยี่สิบ หกสิบ ร้อย หรืออาจจะมากกว่านั้น การบุกแต่ละครั้งรุนแรงขึ้นตามระดับความแค้นที่สั่งสมตามกาลเวลา ซึ่งไม่ได้รับการเยียวยาแก้ไข หรือวิธีผูกไมตรีของราชินีจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่ากันนะ วิลเฮล์มกระสับกระส่ายอยู่ข้างกายบิดาบุญธรรม ขณะเขายืนสีหน้าสงบนิ่งเหมือนรูปปั้นในมหาวิหาร สองกองทัพยืนหยั่งเชิงประจันหน้ากันถมึงทึง โจรชาวเกาะเดนตายบางส่วนพุ่งโจมตีหมู่บ้านไปแล้ว ทหารบางส่วนกำลังยืนหยัดตั้งรับ ส่วนฝั่งกองทัพจะรับมือตรงชายแดนมิให้ความเสียหายกระจัดกระจาย มันเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่และยุ่งยากไปในยามเดียวกัน จนวิลเฮล์มนึกสงสัยว่าตัวเองคู่ควรกับมันไหม นางอยากสะกิดถามแร็กนาร์ แต่เขาคงตอบให้กำลังใจนางเหมือนเก่า คิดมาถึงตรงนี้ หญิงหนึ่งเดียวก็สูดหายใจเข้าออกมั่นคงยิ่งขึ้น

ตราบใดที่เขาอยู่ตรงนี้ จะมีอะไรให้คับข้องอีก

To be continued…

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s